แรงหนุนจากการแพทย์ การบริโภคเชิงสันทนาการ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และนโยบายรัฐ กำลังผลักดันอุตสาหกรรมกัญชาเข้าสู่ยุคทอง
อุตสาหกรรมกัญชาถูกกฎหมายในอเมริกาเหนือกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาด 26.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะขยายตัวสู่ 285.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2034 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ที่ 26.8% แรงขับเคลื่อนหลักมาจาก การใช้ในทางการแพทย์ ความต้องการบริโภคเชิงสันทนาการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ CBDและ การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในกฎหมายและนโยบายของภาครัฐ
กัญชาทางการแพทย์เป็นหัวใจหลักของการเติบโต
ในสหรัฐอเมริกา ผู้บริโภคราว 33% ใช้กัญชาทั้งในเชิงการแพทย์และสันทนาการ งานวิจัยจำนวนมากสนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง วิตกกังวล ภาวะนอนไม่หลับ และช่วยเสริมการรักษาโรคมะเร็ง สารสกัด CBD จากกัญชงซึ่งถูกกฎหมายในทั้ง 50 รัฐ กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “ดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ” ที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง
CBD: จากสารสกัดเสริมสุขภาพสู่ไลฟ์สไตล์ประจำวัน
CBD ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์เฉพาะทางอีกต่อไป แต่กลายเป็น ส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหยดใต้ลิ้น ครีมบำรุงผิว เครื่องดื่มผสม หรือเยลลี่บริโภคง่าย ความต้องการเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัยและผู้บริโภคที่มองหาทางเลือกจากธรรมชาติ งานวิจัยยังชี้ว่า กัญชาทางการแพทย์อาจมีบทบาทในการ ลดการพึ่งพายาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ ซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขในสหรัฐอเมริกา
ผู้นำอุตสาหกรรมเร่งพัฒนาและนวัตกรรม
บริษัทใหญ่ในตลาดอย่าง Tilray และ Organigram Holdings กำลังลงทุนด้าน วิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างจริงจัง เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น เครื่องดื่มผสมกัญชา ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว CBD อาหารเสริม และอุปกรณ์สูบแบบใหม่ พร้อมกันนั้นยังมีการปรับกระบวนการผลิตให้ ยั่งยืนมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
บทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องจาก TheCannex
ผลกระทบของการเปิดเสรีกัญชาแผ่ขยายไปสู่หลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไทยที่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคกัญชาที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจกัญชาในไทยก็ต้องเผชิญกับ ข้อจำกัดด้านการเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคาร ซึ่งส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตของผู้ประกอบการ และหากมองในเชิงสังคม บทวิเคราะห์เกี่ยวกับ ความแตกต่างระหว่างเพศในการบริโภคกัญชาในประเทศไทยถึงปี 2025 ก็ช่วยชี้แนะแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น
